ชิปเสียง มีผลต่อการฟังเพลงแค่ไหนเขียนโดย Mercular | 26 พ.ย. 2561
หากพูดกันถึงอุปกรณ์ภายในที่มีผลกับการฟังเพลง คงหนีไม่พ้นชิปเสียง หรือ ชิป DAC ที่มีอยู่ทั้งในเครื่องเล่นเพลงราคาสูง หรือ Smartphone ซึ่งนั้นก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของร่ายกายมนุษย์ไปแล้ว ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไปจากการ ที่ใช้ งาน PC กัน ก็เปลี่ยนผันมาสู่ยุคของอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ ที่สามารถใช้ทำงานหลาย ๆ อย่างแทนที่ของ PC ได้ไม่ว่าจะทำงานเอกสาร ดูหนัง เล่นเกม หรือ แม้กระทั่งใช้ในการฟังเพลงแบบพกแค่เครื่องเดียวจบ ซึ่งคนที่ชื่นชอบในการฟังเพลงนั้น การที่จะเลือกอุปกรณ์ในการฟังเพลงในแต่ละรุ่นหรือแบรนด์ การพิจารณาจากชิปเสียงคือส่วนสำคัญ ที่ทำให้ราคาของแต่ละอุปกรณ์มีความแตกต่างกันออกไป เพราะทุกวันนี้การฟังเพลงนั้น เหมือนเป็นกิจวัตรประจําวันของใครหลาย ๆ คน แต่เคยสังเกตกันไหมว่าเสียงที่เราได้ยิน ก็จะมีความแตกต่างกันไปตามรุ่นหรือยี่ห้อของโทรศัพท์ เครื่องบางรุ่นเสียงก็ดี บางรุ่นเสียงก็แย่ ซึ่งวันนี้เราจะมาดูกันว่าชิปเสียงนั้นคืออะไรมีผลทำให้การฟังเพลงของเราดีขึ้นจริงไหม
ชิปเสียงคืออะไร?
ชิปเสียง หรือชิป Dac ตัวแปลงสัญญาณดิจิตอลให้เป็นอนาล็อกนั้น DAC ย่อมาจากคำว่า “Digital to Analog Converter” ซึ่งมีความหมายตรงตัวว่า ตัวแปลงสัญญาณดิจิทัลเป็นอะนาล็อก เพราะว่ามนุษย์เราไม่สามารถเข้าใจภาษาแบบดิจิทัลได้ ดังนั้นสัญญาณข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งสัญญาณเสียงที่เข้ารหัสดิจิทัลมา จึงต้องผ่านการแปลงให้เป็นสัญญาณแบบอะนาล็อกเสียก่อน เนื่องด้วยทุกวันนี้เพลงส่วนใหญ่ที่เราใช้ฟังกันนั้นอยู่ในรูปแบบของไฟล์ดิจิตอล หรือก็คือ Binary Code แบบเดียวกับที่เครื่องคอมพิวเตอร์ใช้ซึ่งมีแค่เลข 1 และ 0 ซึ่งเราคงฟังเป็นภาษามนุษย์ไม่ออกแน่ๆ ทำให้เราต้องพึ่งหน้าที่ของชิปเสียงก็คือการแปล Binary Code ให้ออกมาอยู่ในรูปของสัญญาณไฟฟ้า หรือก็คือสัญญาณอนาล็อคนั่นเอง ซึ่งจะถูกส่งไปที่แอมป์อีกทีนึง เพื่อขยายสัญญาณออกมาให้เราได้รับฟังผ่านลำโพงหรือหูฟัง
แล้วชิปเสียงมีผลต่อการฟังเพลงไหม?
โดยทั่วไปชิปเสียงจะมีอยู่ในอุปกรณ์ดิจิทัลเช่น คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน สมาร์ททีวี เครื่องเล่นเพลงระบบดิจิทัล เอวีรีซีฟเวอร์ เกมคอนโซล รวมทั้งเครื่องเสียงระบบดิจิทัลอยู่แล้วในปัจจุบัน แม้แต่เครื่องขยายเสียงหรือแอมปลิฟายเออร์บางรุ่นก็มีการผนวกเอาชิปเสียงมารวมไว้ในตัวด้วย สังเกตได้จากที่ตัวเครื่องมีอินพุตสามารถรับสัญญาณดิจิทัลได้โดยตรง ซึ่งอุปกรณ์แต่ละตัวนั้นก็จะมีคุณภาพเสียงที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับคุณภาพของชิปเสียงนั่นเอง นั่นคือบอกได้ว่าชิปเสียงนั้นมีผลต่อการฟังเพลงนั่นเอง
แล้วทำไมเราต้องซื้อ External DAC มาต่อเพิ่มด้วยล่ะ?
คำตอบก็คือ คุณภาพเสียงที่ต่างกันนั่นเอง ฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมรุ่นไฮโซทั้งหลายถึงมีราคาแพงมหาศาล ส่วนนึงก็เป็นเพราะเจ้าชิปเสียง DAC ที่อยู่ภายในนั้นมีคุณภาพสูงมาก สิ่งที่คุณจะได้จาก DAC ที่มีประสิทธิภาพก็คือ เสียงที่ดีขึ้น ไดนามิคและรายละเอียดเสียงดีขึ้น รวมทั้ง Sound Stage หรือความกว้างของเวทีเสียงก็ยังดีขึ้นด้วย ชิปเสียงที่แยกชิ้นออกมาทำหน้าที่เป็น “External DAC” อย่างเดียว โดยมุ่งหวังว่าจะช่วยอัปเกรดคุณภาพเสียงให้ดีกว่า DAC ที่มีอยู่ในตัวอุปกรณ์เหล่านั้น เนื่องจาก External DAC มักจะที่มีคุณภาพที่ดีกว่า สามารถแปลงเอาสัญญาณอะนาล็อกกลับมาคืนมาได้ครบถ้วนมากกว่า มีความผิดพลาดคลาดเคลื่อนน้อยกว่านั่นเอง
เป็นยังไงกันบ้างกับเรื่องของชิปเสียงซึ่งดูเล็กๆน้อยๆแต่ก็มีเรื่องให้ต้องทำความเข้าใจกันพอสมควรเหมือนกัน สุดท้ายแล้วชิปเสียงนั้นเป็นส่วนประกอบเพียงส่วนหนึ่ง แม้ค่ายเดียวกันแต่คนละเบอร์ก็ให้เสียงที่ต่างกันเราจึงไม่ สามารถบอกได้คาแรคเตอร์แบบเป๊ะๆ 100% ต้องอาศัยการฟังอยู่ดี ซึ่งปัจจุบันแต่ละค่ายก็พยายามปรับปรุงทั้งเสริมจุดเด่น และลบจุดด้อยให้มีความลงตัวมากขึ้น และคุณภาพเสียงของอุปกรณ์ของเราก็จำเป็นที่จะต้องใช้ชิ้นส่วนตัวอื่นๆที่ไม่ใช่ชิปเสียงด้วย เพื่อให้เราสามารถฟังเพลงได้เพราะขึ้นนั่นเอง หากถามว่า DAC มีผลต่อการฟังเพลงแค่ไหนคงบอกได้อย่างเต็มปาก เต็มคำเลยว่ามีผลแน่นอน ส่วนเรื่องความแตกต่างว่าจะฟังออกหรือไม่ คนต้องขึ้นอยู่กับหูของแต่ละคนครับ
https://www.mercular.com/review-article/audio-chip-sound/?utm_source=facebook&utm_medium=social&utm_campaign=20181130_Core_Content_Audio_Chip_Sound