Tigger Sound
สังคมออนไลน์คุณภาพของคนรักเครื่องเสียง
ทดสอบเสียง HK1.1 By Tiggersound https://www.facebook.com/tiggersound/videos/10218510874389162

การเร่งเพาเวอร์แอมป์ ,gain ,Sensitivity

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ อาร์ม ลูกน้ำกว๊าน

  • มือกีตาร์
  • ****
    • กระทู้: 359
  • คนฉลาดที่ขาดคุณธรรม เป็นผู้นำที่ดีไม่ได้
ขอบคุณครับ ... smiley4
นาย ทศวรรษ สายปิน (อาร์ม) เลขที่ 86/90 หมู่บ้าน พฤกษา 86/2 ซอย ลาดกระบัง 54  ตำบล ศรีษะจรเข้น้อย อำเภอ บางเสาธง จังหวัด สมุทรปราการ 10570 TEL : (AIS) 080-130-8520 / ธ.กสิกรไทย 009-1-99520-4


ออฟไลน์ ช่างแอ้ด™

  • Over feel ..Trust me
  • Moderator
  • นักร้อง
  • *****
    • กระทู้: 2230
  • as it should be ..
    • Fbook
ขออนุญาติสอบถามครับ  ถ้าเราตั้ง gain ไว้ถูกต้องแล้ว เราต้องเบาที่ slide หรือที่ gain ในกรณีเปิดเพลง เพราะเพลงบางเพลงเสียงดังไม่เท่ากันครับ  smiley4 smiley4
fader (slide) คือจุดที่เราใช้ควบคุมขณะปฏิบัติการ  ส่วน gain เอาไว้ทำตอน setup ระบบครับ


ออฟไลน์ นัฐ ซาวด์

  • มือกลอง
  • *****
    • กระทู้: 558
ขออนุญาติสอบถามครับ  ถ้าเราตั้ง gain ไว้ถูกต้องแล้ว เราต้องเบาที่ slide หรือที่ gain ในกรณีเปิดเพลง เพราะเพลงบางเพลงเสียงดังไม่เท่ากันครับ  smiley4 smiley4
fader (slide) คือจุดที่เราใช้ควบคุมขณะปฏิบัติการ  ส่วน gain เอาไว้ทำตอน setup ระบบครับ
ขอบคุณครับ smiley4
อานนท์ เกิดแดง 193/1 ม.5 ต.แม่เล่ย์ อ.แม่วงก์ จ.นครสวรรค์ 60150 TEL.0860143968 ธนาคารออมสิน
สาขาลาดยาว เลขที่บัญชี 020121138430 ชื่อบัญชี อารีรัตน์ เกิดแดง


ออฟไลน์ vnatham

  • Ƹ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒ[̲̅D̲̅][̲̅S̲̅][̲̅S̲̅]Ƹ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒ
  • นักร้อง
  • ******
    • กระทู้: 1963
  • ⒹigitalⓈoundⓈolution
    • เดอะซิตี้ออฟม๊อด
ครับเป็นตามนั้น ท่านนั่งคิดอยู่ 2 วัน จึงจะเข้าใจได้ อาจเป็นเพราะผม เรียบเรียงไม่ดีหรือเปล่าครับ 555  smiley4

เนื่องจากผมไม่ได้เรียนมาในสายงานนี้โดยตรง กว่าผมจะตกผลึกความคิดได้ดังนี้ก็ ใช้ เวลาอ่านบทความ ในอินเตอร์เน็ต ไม่ต่ำกว่า 10 บทความ  จึงสามารถนำความรู้ที่ได้มาฝึกปฏิบัติ ใช้เวลาเป็น เดือนๆ-ปีๆ นอกจากนี้ยังต้องมีพื้นฐาน เรื่อง ดนตรี คณิต ฟิสิกส์ เรื่อง เสียง คลื่น และไฟฟ้า มาเกี่ยวข้อง กว่าจะได้ความคิดรวบยอดมาเขียน อาจมีสิ่งใดที่ผมเข้าใจถูกหรือผิด ก็พร้อมรับคำติชมจากทุกท่านเพื่อไปปรับปรุงแก้ไข และได้ความรู้เพิ่มเติมไปในตัว


การให้วิทยาทานนั้น ไม่ได้ให้แล้ว จะได้รับกันง่ายๆ
เบื้องต้น เราต้องเปิดใจรับ มีความสนใจ มีพื้นฐานทางความรู้ ใช้ปัญญาพิจารณาไตร่ตรอง จึงจะเข้าใจและนำไปใช้ฝึกปฏิบัติได้ครับ smiley4

ไม่ใช่หมอเขียนไม่ดีครับ   ผมงงเองครับ ฮ่าๆๆ งงตรงเร่ง ให้พีค ตอนแรกไม่ได้ทำความเข้าใจก่อน แต่ไปอ่านแล้วลองนึกภาพว่ากำลังทำตามที่หมอแนะนำ  ผมงงว่า ทำเพื่ออะไร(ไม่ใช่ว่ามันไม่ดีน๊ะ แต่ งงงงว่าทำอะไรกัน)  เลยถอยออกมาก้าวนึงแล้วทำความเข้าใจก่อนว่าทำไปเพื่ออะไร จึงเข้าใจแล้วทีนี้ไปอ่านการเช็คบาลานซ์ใหม่ก็เข้าใจครับ

เหมือนผมอ่านโจทย์ไปทำตามไป  เลยงง  จริงๆ ต้องอ่านให้จบทั้งหมดก่อนว่า โจทย์ต้องการอะไร ให้เราทำอะไร แล้วค่อยทำหลังจากเข้าใจโจทย์แล้วอะ  หมองงมั้ย  ผมพิมพ์เองยังงงเอง
วินัย นาทาม
98/203 หมู่ 11 หมู่บ้านสินเพชร
ซ.ธนสิทธิ์ ต.บางปลา อ.บางพลี
จ.สมุทรปราการ 10540
Tel.081-668-3706
ธ.กสิกรไทย 860-2-21958-6
 ̴̡ı̴̡̡ ̡͌l̡ ̴̡ı̴̡ ̡̡͡|̲̲̲͡͡͡ ̲▫̲͡ ̲̲̲͡͡π̲̲͡͡ ̲̲͡▫̲̲͡͡ ̲|̡ ̴̡ı̴̡̡ ̡͌l̡ ̴̡ı̴̴̡ ıllıllı|̲̅̅●̲̅̅|̲̅=̲̅̅|̲̅̅●̲̅̅|ıllıllı


ออฟไลน์ vnatham

  • Ƹ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒ[̲̅D̲̅][̲̅S̲̅][̲̅S̲̅]Ƹ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒ
  • นักร้อง
  • ******
    • กระทู้: 1963
  • ⒹigitalⓈoundⓈolution
    • เดอะซิตี้ออฟม๊อด
ภาษาอังกฤษเยอะ(รากหญ้า)อ่านไม่ออก

ผมสรุปให้เป็นภาษาไทยง่ายๆ ดังนี้ครับ ขอยกคำตอบเดิมมา

-ถ้าเราเร่งแอมป์ไว้สุด แปลว่า สัญณานต้นเสียง(สมมุติว่าผมต่อตรงจาก Mix เลย) เราเร่งไปค่อยๆ เสียงก็ดังเต็มที่ใช่มั้ยครับ

-ถ้าเราเร่ง Mix ไปค่อยๆ  Noise(สัญญาณรบกวน) จะเยอะครับ (ตรงนี้ไงคือประเด็น)

-ยิ่งเรามีอุปกรณ์ต่อขั้นระหว่าง Mix กับ Power Amp แล้ว ยิ่ง Noise เยอะ (ตรงนี้ไงคือประเด็น)


Noise กรณีนี้เกิดจาก เราเร่งสัญญาณเบา Noise จะเยอะ ในทางกลับกัน ถ้าเราเร่งสัญญาณเยอะ Noise จะน๊อยซ์ เอ้ยยน้อย

เคยสังเกตุกันมั้ยครับ
เคยสงสัยกันมั้ยครับ

ผมเคยสงสัย ตอนเปิดเพลง เครื่องเสียงไม่จี่ ไม่ฮัม พอเพลงหมด ได้ยินเสียงจี่ เสียงฮัมชัดเจน  ตอนแรก ผมเข้าใจว่าเสียงจี่เสียงฮัมมีในระบบตลอดเวลา เพียงแต่เราเปิดเพลงดัง เราเลยไม่ได้ยินเสียงฮัม 
 แต่จริงแล้วไม่ใช่ พอเราเปิดเพลง สัญญาณเพลงมาเยอะ สัญญาณรบกวน(จี่ฮัม) เลยน้อย
แต่พอเราปิดเพลง สัญญาณเพลงมาน้อย สัญญาณรบกวนมาเยอะ  แอมป์เลยขยายเสียงสัญญาณรบกวนดังขึ้นไปอีก เราเลยได้ยิน

และนี่คือประเด็นครับ ว่าไม่ควรเร่งแอมป์จนสุด เพราะเราต้องเบาสัญญาณต้นทาง เพราะถ้าเราเร่งทั้งแอมป์สุดทั้ง Mix ให้สูง แอมป์ก็จะคลิปไงครับ เราเลยต้องเบาสไลด์ลง  พอเราเบาสไลด์ลง สัญญาณรบกวนก็มาในระบบกว่าจะมาถึงแอมป์ยังผ่านเครื่องปรุงทั้งหลายอีก เช่น EQ/Cross/Delay/Compressor  สรุปว่า Noise กระจาย


*หลักการคือ ต้องบาลานซ์ ความแรงของสัญญาณทุกตัวให้เท่าๆกัน คือ ถ้าเราเร่ง Mix จน Clip หรือเกือบ Clip
อุปกรณ์ทุกตัว ก็ต้อง Clip หรือเกือบ Clip ครับ ไล่ไปตั้งแต่ EQ/Cross จนถึง power amp. แปลว่าสัญญาณที่ออกไปจาก MIX ผ่านอุปกรณ์ทุกตัวยัน Power Amp สัญณานบาลานซ์กันแล้ว

ตรงนี้นอกจากจะลดสัญญาณรบกวนในระบบแล้ว ที่สำคัญคือได้ HeadRoom เพิ่มขึ้นครับ - คือมีที่ให้เร่งสไลด์เล่นได้ กรณีเสียงไม่ดังพอ และสัญญาณทั้งระบบไม่คลิป --> เรียก HeadRoom
วินัย นาทาม
98/203 หมู่ 11 หมู่บ้านสินเพชร
ซ.ธนสิทธิ์ ต.บางปลา อ.บางพลี
จ.สมุทรปราการ 10540
Tel.081-668-3706
ธ.กสิกรไทย 860-2-21958-6
 ̴̡ı̴̡̡ ̡͌l̡ ̴̡ı̴̡ ̡̡͡|̲̲̲͡͡͡ ̲▫̲͡ ̲̲̲͡͡π̲̲͡͡ ̲̲͡▫̲̲͡͡ ̲|̡ ̴̡ı̴̡̡ ̡͌l̡ ̴̡ı̴̴̡ ıllıllı|̲̅̅●̲̅̅|̲̅=̲̅̅|̲̅̅●̲̅̅|ıllıllı


ออฟไลน์ vnatham

  • Ƹ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒ[̲̅D̲̅][̲̅S̲̅][̲̅S̲̅]Ƹ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒ
  • นักร้อง
  • ******
    • กระทู้: 1963
  • ⒹigitalⓈoundⓈolution
    • เดอะซิตี้ออฟม๊อด
HeadRoom และการบาลานซ์สัญญาณสำคัญน๊ะครับ มันจะช่วยให้เราทำงานง่ายขึ้น เมื่ออยู่หน้างาน

ผมจะยกตัวอย่างเมื่อสงกรานต์ให้ฟัง (ผมไม่ได้บาลานซ์สัญญาณ เพราะเข้าใจว่า 0db คือบาลานซ์)

- เสียงเบา เร่งสไลด์ขึ้นไป โอเคดังแล้ว มองไปมองมา อ้าวเฮ้ย EQ Clip แล้ว ทำไง ก็เบา Gain EQ ลง
- เอ๊า เสียงค่อยอีก ทำไง เร่ง Gain Cross ขึ้นซิ  มองไปมองมา อ้าวเฮ้ยยยย Amp ขับ Low Clip แล้ว ทำไง เบาวอลลุ่ม Amp low ลง
- เอ๊า low ไม่แน่นอีก เร่ง Cross ตรง low ขึ้นนิด ....

สรุปว่า มือเป็นลิง หมุนโน่น นี่ขาด นั่นเกิน หมุนนั่นโน่นขาดนี่เกิน อยู่ตลอดเวลาครับ เลยเข้าใจคำว่าบาลานซ์สัญญาณเลย
ถ้าเราบาลานซ์ ดีแล้ว เราจะเร่งสไลด์ได้ จนไฟ Peak ที่ Main Slide เกือบจะขึ้น และสัญญาณทั้งระบบไม่ต้องมานั่งหมุนใหม่ครับ
เพราะถ้า Slide เราไม่คลิป ที่เหลือไม่มีทางคลิปครับ
วินัย นาทาม
98/203 หมู่ 11 หมู่บ้านสินเพชร
ซ.ธนสิทธิ์ ต.บางปลา อ.บางพลี
จ.สมุทรปราการ 10540
Tel.081-668-3706
ธ.กสิกรไทย 860-2-21958-6
 ̴̡ı̴̡̡ ̡͌l̡ ̴̡ı̴̡ ̡̡͡|̲̲̲͡͡͡ ̲▫̲͡ ̲̲̲͡͡π̲̲͡͡ ̲̲͡▫̲̲͡͡ ̲|̡ ̴̡ı̴̡̡ ̡͌l̡ ̴̡ı̴̴̡ ıllıllı|̲̅̅●̲̅̅|̲̅=̲̅̅|̲̅̅●̲̅̅|ıllıllı


ออฟไลน์ boy029

  • มือกลอง
  • *****
    • กระทู้: 401
ความรู้ทั้งนั้นนนนนนนนนนนนน brow brow brow brow brow brow brow brow
นายจักรพันธ์ โมรา ที่อยู่ 27 บ้านหัวตะพาน หมู่ 14 ต.แพรกศรีราชา อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท 17140 เลขบันชี ธนาคารกสิกรไทย สาขาสรรคบุรี 186-2-27799-2
บอย พลาซ่า 0862141202


ออฟไลน์ ืีnutkdd2duo

  • มือกีตาร์
  • ****
    • กระทู้: 127
  • มือใหม่หัดขับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับพี่น้อง
เข้ามาเสพความรู้ครับ ขอบคุณอาจารย์ทุกๆท่านครับ  smiley4
นายณัฐวุฒิ KDD ม.4 ต.บ้านทราย อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี 15110 โทร 089-8038496 บัญชีธนาคารกรุงเทพ988-000461-0


ออฟไลน์ somsak.sam1

  • มือกีตาร์
  • ****
    • กระทู้: 272
เวลาใช้เสียงจริง ๆ สัญญาณมาจากหลายแหล่ง กระเดื่อง กีตาร์ เบส สะแน คีบอร์ด  เครื่องเป่า ฯลฯ ถ้าปรับมิกเซอร์ ทุกช่อง 0 dB หมด เสียงจะออกมาดีใหม  หรือ ออกมาเหมือน  กลองยาว   loveit ผมว่าการปรับมันเสียงสำคัญตั้งแต่ต้นทาง  จนไปถึงเครื่องขยายเสียง  ทางที่ดีเครื่องขยายเสียงควรเป็นยี่ห้อเดียวกันทุกตัว  เพราะอัตราการขยายจะได้เท่ากันทุกเครื่อง redface  บางครั้งต้องยอมให้เสียงเกิน 0 dB  แต่ไม่ให้พีค จนแดงค้างตลอด loveit  สำหรับผมเวลาใช้งานจริงไม่ค่อยมีเวลาเซ็ตเครื่องมาก(ส่วนใหญ่งานรีบ) เอาดังเป็นพอครับ  smiley4
นายสมศักดิ์  แซมสีม่วง  (ประชาชนคนธรรมดา)
SAM AUDIO BY เทคนิคซาวด์
รับซ่อม โทรทัศน์ ดีวีดี    เครื่องขยายเสียง       แอร์ ตู้เย็น  เครื่องซักผ้า คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ทุกชนิดที่บริโภคไฟฟ้าเป็นอาหารหลัก
31/1 หมู่ 2 ต.บ้านโคก  อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์
67000 โทร 081-4759422


ออฟไลน์ max_medkku

  • มือกีตาร์
  • ****
    • กระทู้: 151
เวลาใช้เสียงจริง ๆ สัญญาณมาจากหลายแหล่ง กระเดื่อง กีตาร์ เบส สะแน คีบอร์ด  เครื่องเป่า ฯลฯ ถ้าปรับมิกเซอร์ ทุกช่อง 0 dB หมด เสียงจะออกมาดีใหม  หรือ ออกมาเหมือน  กลองยาว   loveit ผมว่าการปรับมันเสียงสำคัญตั้งแต่ต้นทาง  จนไปถึงเครื่องขยายเสียง  ทางที่ดีเครื่องขยายเสียงควรเป็นยี่ห้อเดียวกันทุกตัว  เพราะอัตราการขยายจะได้เท่ากันทุกเครื่อง redface  บางครั้งต้องยอมให้เสียงเกิน 0 dB  แต่ไม่ให้พีค จนแดงค้างตลอด loveit  สำหรับผมเวลาใช้งานจริงไม่ค่อยมีเวลาเซ็ตเครื่องมาก(ส่วนใหญ่งานรีบ) เอาดังเป็นพอครับ  smiley4

ที่ผมเขียนมาทั้งหมด หมายถึงการ balance gain ก่อนทำงานจริงครับ สัญญาณระดับ 0 dBu เอาไว้ใช้อ้างอิงว่าระบบของเรา ควรมีความดังประมาณไหนจึงจะพอดีเหมาะสมกับสถานการณ์ เช่นถ้าเล่นในห้องประชุม 0 dBu ที่ mixer อาจเท่ากับ ระดับความเข้มเสียง(ความดัง)ที่ 75 dB SPL ณ จุดที่เรา control แต่ถ้าเล่นกลางแจ้ง 0 dBu ที่ mixer อาจดังถึง 90 dB SPL
ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้อง set gain ของเครื่องดนตรีทุกชิ้นไว้ที่ 0 dBu แต่ควรอยู่ที่ระดับ ใกล้เคียง คือตั้งแต่ -12 ถึง +6 dBu หรืออาจมากกว่านั้น ตามรูปในกรอบสี่เหลี่ยม



ทั้งหมดที่เขียนมาในกระทู้นี้ เราพูดถึงเรื่อง Level คือระดับสัญญาณ ยังไม่ได้อภิปรายกันในแง่ของการปรับแต่ง Toneหรือเนื้อเสียงแต่อย่างใด แต่Level ที่ดีได้ระดับมีผลกับเนื้อเสียงแน่นอนครับ

และการเซทระบบอย่างที่ผมได้กล่าวไปนั้น ไม่จำเป็นต้องทำที่หน้างานให้เสียเวลา สามารถทำเองที่บ้านได้โดยไม่ต้องเปิดเสียงรบกวนชาวบ้าน เพราะแค่เปิดเช็คสัญญาณและปรับปุ่มหมุนตรงนั้น เร่งตรงนี้แล้วให้จำค่าหรือมาร์คจุดที่เหมาะสมกับระบบของเราไว้แค่นั้น ทำครั้งเดียวไม่ต้องไปทำใหม่อีกถ้าเราไม่เปลี่ยนระบบใหม่
ที่หน้างานเราก็แค่หมุน ปุ่มต่างๆไปตำแหน่งที่เรากำหนดไว้แค่นั้น แทบไม่แตกต่างกับการ เซทระบบโดยทั่วไป  ไม่เหมือนการปรับปต่ง EQ ที่เราจะต้องไปปรับที่สถานที่จริงเพื่อแก้ Room Acoustic หรือ gain before feedback ที่ stage monitor

จะพูดถึงการ Balance gain ขณะ mix ดนตรีสดอีกสักหน่อย gain ของเครื่องดนตรีแต่ละชิ้น ตอนปรับหน้างาน ไม่ได้จำเป็นต้องเท่ากับ 0 dBu เช่น กระเดื่อง สแนร์ ก็อาจจะปรับไว้สัก 6 dBu hihat สัก -2 dBu ไมค์ สัก 0ถึง 3 dBu ขึ้นกับหูเราว่าจะกำหนดความดังและ gain ของเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นไว้ที่เท่าไร
 เมื่อ gain นิ่งแล้ว เราก็ ปรับ EQ, gate,compressor และ Effect ให้ได้เสียงตามต้องการ ทุกชิิ้นดนตรี จากนั้น balance เสียงโดยรวมที่ channel fader ถ้ามันดังไปก็ลดที่ fader เบาไปก็เพิ่มที่ fader จะไม่ไปแตะ gain อีก เพราะที่ compressor gate เราได้ตั้ง threshole ไว้ให้เหมาะกับ gainตั้งแต่เริ่มต้นแล้วถ้าเราไปปรับใหม่ย่อมการทบกับ ค่าparameter พวก threshole, Attack, release ได้  นอกจากเราต้องการปรับgain และ thresholeใหม่
เมื่อเล่นรวมกันฟังเสียงโดยรวมว่าอันไหนขาดอันไหนเกินbalance ความดังได้ที่ fader ให้อยู่ใน Headroom ไม่ให้ clip ถ้ามีแนวโน้มว่าจะclip ก็ใส่ compressor หรือ limiter ไว้ที่ main output หรือ submix ทำเหมือนเรากำลัง mixdown เพลงเวลาทำ master เพลงในห้องอัด....เอาแค่เรื่องPa mixing balance คร่าวๆก่อนเดียวจะยาว อิอิ loveit

และจากทฤษฎี เรื่องการ balance gain ใน mixer ควรปรับ gain แต่ละ channel ไว้ที่เท่าไรจึงจะไม่ทำให้ สัญญาณจากmain คลิป
หลักการก็มีอยู่ว่า
-Level ของเสียงเวลารวมกัน ไม่ได้เพิ่มขึ้นแบบตรงๆเป็น linear เช่น 1dB+1dB=2dB
-แต่ คำว่า Decibel มันเป็น ค่าของเลข logarithm ตามสูตร

โดยที่

ดังนั้นการรวมกันต้องคำนึงถึง เรื่อง logarithmic function และ wave (phase/coherent) ด้วย
จากทฤษฎีการรวมกันของระดับความเข้มเสียงที่ มีลักษณะ incoherent(randome phase เช่น เสียง guitar กับ keyboard)
ถ้าระดับความเข้มเสียงเท่ากันทั้ง 2 ชิ้น ผลรวมจะเพิ่มขึ้นจากเดิม 3 dB เช่น guitar 60 dB SPL keyboard 60 dB SPL ผลรวมจะเท่ากับ 63 dB SPL
ตามสูตร
 Δ L = 10 × log n  ; n = จำนวนแหล่งกำเนิดเสียงที่มีระดับความเข้มเสียงเท่ากัน(incoherent)



จากตัวอย่างด้านบน แทนค่าจะได้ 10 log 2 = 10(0.301)=3dB

นำมาประยุกต์ใช้กับ mixer  ถ้าเรา set gain เครื่องดนตรี2ชิ้นไว้แต่channel เท่ากับ 0 dBu จะได้ผลรวมที่ main meter เท่ากับ 3dBu
ถ้า mixer มี 16 ch โดยแต่ละ ch set gain(PFL) โดยเฉลี่ยไว้ที่ 0 dBu จะได้ผลรวมที่ main meter เท่ากับ
10 log16 = 10 log(24)=4(10)log2 = 40(0.301) = 12.04 dBu

ถ้า mixer มี 32 ch ก็จะได้ 15 dBu

ในทางกลับกัน หากเรา ไม่อยากให้ mixer clip เราควรตั้ง gain โดยเฉลี่ย แต่ละ channel ไว้ที่เท่าไร (target gain)
จะมีสูตรคือ  Δ L = -10 × log n  ; n = จำนวนแหล่งกำเนิดเสียงที่มีระดับความเข้มเสียงเท่ากัน(incoherent)

ถ้า mixer เรามี 16 ch จะได้   Δ L = -12 dBu
หมายความว่า ควร set gain โดยเฉลี่ยให้ ต่ำกว่า clip level อยู่ -12 dBu
ถ้า mixer เรามีclip level หรือ headroom +20 dBu เราควร set gain โดยเฉลี่ย (target gain) ไม่ควรเกิน +8 dBu(20-12) เมื่อเราใช้งาน 16 ch พร้อมกัน
แต่ในความเป็นจริง ถ้า set gain ไว้เท่าๆหมด เสียงร้อง (vox mic) คงจะถูกกลบจากเสียงดนตรี
ดังนั้น วิธีแก้คือ จัดไมค์ร้อง ไว้อีก sub group
เช่น ถ้ามีไมค์ 4 ตัว เราสามารถปรับ gain แต่ละตัว (target gain) ได้สูงถึง +14dBu ใน submix นั้น
  Δ L = -10 log4 = -6
ถ้า sub group มี headroom +20dBu จะได้ 20-6= +14dBu

แต่ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นเพียงทฤษฎี การปฏิบัติจริงอาจไม่เป็นไปตามนั้น แต่ควรยึดหลักไว้เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติ จะได้รู้ว่าควรปรับไม่ควรปรับ gain ไว้ที่เท่าใด ระบบจะไม่clip

อ่านจนจบแล้วก็กลับมาดูรูปเดิม



จะเข้าใจว่าทำไม gain โดยทั่วไปไม่ควรเกิน +6 dBu
ซึ่งในรูปนี้ mixer มี Headroom +20 dBu
ถ้าเป็น mixerตัวนี้เป็น mixer รุ่นใหญ่ 32ch คำนวนΔ L = -15  นั่นคือ target gain แต่ละ ch คือไม่ควรเกิน +5 dBu(20-15) ถ้าใช้งานทุกช่องพร้อมกัน ซึ่งใกล้เคียงกับรูปที่ให้มา

ที่มาของสูตร http://www.sengpielaudio.com/calculator-leveladding.htm
อัษฎาวุธ สอนพรหม
086-8624610


ออฟไลน์ นัฐ ซาวด์

  • มือกลอง
  • *****
    • กระทู้: 558
เอาอีกๆ ความรู้ทั้งนั้น ขอบคุณครับ... smiley4 smiley4
อานนท์ เกิดแดง 193/1 ม.5 ต.แม่เล่ย์ อ.แม่วงก์ จ.นครสวรรค์ 60150 TEL.0860143968 ธนาคารออมสิน
สาขาลาดยาว เลขที่บัญชี 020121138430 ชื่อบัญชี อารีรัตน์ เกิดแดง


ออฟไลน์ อ.ฉัตรชัย 101

  • มือกีตาร์
  • ****
    • กระทู้: 188
ตอนติดตั้งผมเช็คซาวด์ที่มิกเซอร์ตั้งระความแรงของแต่ละช่องไม่ให้แรงจนพีค smiley4 ส่วนแอมป์ผมเร่งอย่างที่ผมเขียนไว้ไม่สนใจหลักการของใครครับ  เพราะสุดท้ายความแรงทั้งหมดถูกคุมโดยมาสเตอร์ของมิกเซอร์ทุ้มกลางแหลมมิกเซอร์ปรับได้ ถึงแม้จะเร่งแอมป์ไว้เยอะ  ก็ตาม อีคิว ครอส ช่วยปรับแต่งบูส คัทได้ กำลังของเครื่องขยายเสียงก็เป็นส่วนประกอปในการเร่งโวลุ่ม อย่าไปยึดติดมากครับ  สุดท้ายเสียงที่ออกมาจริง ๆ ต้องฟังด้วยหูไม่ใช่เครื่องมือ  หรือฟังจากมอนิเตอร์  อันนี้ส่วนตัวผมนะ smiley4

คริๆๆ  แสดงว่าไม่ได้อ่านที่ผมพิมพ์ไป
ประเด็นคือ เรื่อง Noise (สัญญาณรบกวน) และเรื่อง HeadRoom (มีที่ให้เล่น-ไม่รู้ว่าจะแปลว่ายังไงเหมือนกัน)
ไม่ใช่ประเด็นหู หรือเครื่องมือ หรือแรง/ไม่แรง ดัง/ไม่ดังครับ

ตอนแรก ผมก็เข้าใจผิดเช่นกันว่าเร่งไม่สุดไม่แรง นั่งคิดตามอยู่สองวันจึงตกผลึกความคิด จึงทำความเข้าใจได้ครับ

ส่วนท่านจะปรับเครื่องเสียงท่านยังไง ไม่มีใครว่าอยู่แล้วครับ เพราะเครื่องของท่าน
ประเด็นที่คุยกันคือ ทำไม เพราะอะไร ถกกันด้วยเหตุและผลครับ

 smiley4


ครับเป็นตามนั้น ท่านนั่งคิดอยู่ 2 วัน จึงจะเข้าใจได้ อาจเป็นเพราะผม เรียบเรียงไม่ดีหรือเปล่าครับ 555  smiley4

เนื่องจากผมไม่ได้เรียนมาในสายงานนี้โดยตรง กว่าผมจะตกผลึกความคิดได้ดังนี้ก็ ใช้ เวลาอ่านบทความ ในอินเตอร์เน็ต ไม่ต่ำกว่า 10 บทความ  จึงสามารถนำความรู้ที่ได้มาฝึกปฏิบัติ ใช้เวลาเป็น เดือนๆ-ปีๆ นอกจากนี้ยังต้องมีพื้นฐาน เรื่อง ดนตรี คณิต ฟิสิกส์ เรื่อง เสียง คลื่น และไฟฟ้า มาเกี่ยวข้อง กว่าจะได้ความคิดรวบยอดมาเขียน อาจมีสิ่งใดที่ผมเข้าใจถูกหรือผิด ก็พร้อมรับคำติชมจากทุกท่านเพื่อไปปรับปรุงแก้ไข และได้ความรู้เพิ่มเติมไปในตัว


การให้วิทยาทานนั้น ไม่ได้ให้แล้ว จะได้รับกันง่ายๆ
เบื้องต้น เราต้องเปิดใจรับ มีความสนใจ มีพื้นฐานทางความรู้ ใช้ปัญญาพิจารณาไตร่ตรอง จึงจะเข้าใจและนำไปใช้ฝึกปฏิบัติได้ครับ smiley4
[/quote
หมอเขียนได้ดีครับ ความรู้และ หัวใจในการให้เป็นวิทยาทาน มันจะทำให้ความรุ้ การยกระดับ และการพัฒนากว้างขึ้น  โดยเฉพาะถ้าทุกคนรู้จักให้และเปิดใจให้กว้าง
ฉัตรชัย  ชาวไร่  28หมู่ที่1ต.วารีสวัสดิ์ อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด<br />     รหัส 45140  โทร  089-2789650 กรุงไทย 4140184825


ออฟไลน์ vnatham

  • Ƹ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒ[̲̅D̲̅][̲̅S̲̅][̲̅S̲̅]Ƹ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒ
  • นักร้อง
  • ******
    • กระทู้: 1963
  • ⒹigitalⓈoundⓈolution
    • เดอะซิตี้ออฟม๊อด
ควรแยกประเด็นให้ออกระหว่าง
- การปรับแต่งเสียง (EQ)
- การปรับแต่ง Gain ของแต่ละ CH
- การปรับแต่ง Fader ของแต่ละ CH
- การบาลานซ์ Gain ของแต่ละอุปกรณ์

อย่าเอามารวมเป็นเรื่องเดียวกันครับ

จริงๆ กระทู้นี้เริ่มต้นมาจาก "ควรเร่งแอมป์ไว้สุดหรือไม่"
คำตอบคือ "ไม่ควร"
เหตุผลคือ "การบาลานซ์ Gain ของแต่ละอุปกรณ์" ทำไม่ได้ + มี Noise ในระบบเยอะ + ขาด HeadRoom ในการทำงาน

ส่วนที่บอกว่า "ควร"
เหตุผลคือ "การไม่เร่งสุด จะทำให้ได้กำลัง Power ไม่เต็มที่"

ซึ่งจริงๆ ท่านเหล่านั้นเข้าใจผิดคิดว่า "วอลลุ่ม" คืน "คันเร่ง" ของ Power Amp ซึ่งมันไม่ใช่ครับ
และเข้าใจว่า  "ถ้าเราไม่บิดสุด คือ Power ทำงานไม่สุด" ซึ่งมันไม่ใช่เช่นกัน

ถ้าท่านกลับไปดูวงจรแอมป์ ทุกตัว
ท่านจะเห็นว่า Volume นั้น ถูกต่อเข้าก่อนที่สัญญาณจะถูกส่งไปขยายใน ภาค Power
หรือถ้ามองง่ายๆ กว่านั้น มันก็คือ "Input Gain" ของ Power Amp นั่นเองครับ มีไว้สำหรับ ปรับให้ "Gain Input" ของ
Power Amp นั้น เหมาะสมกับระบบของเรา 

หาได้ใช่ "Out put trim" ของ Power Amp ไม่ (ผมยังไม่เห็นวอลลุ่ม ไปต่อตรงสายลำโพง-ภาค output เลยครับ ถ้ามีขออภัย)

ตราบใดก็ตาม ที่เราสามารถเร่งเสียง จน Power Clip ได้ นั่นแสดงว่า Power ทำงานเต็มกำลังแล้วครับ ไม่ว่าเราจะหมุน "วอลลุ่ม" ไว้ตำแหน่งใดก็ตาม (ไม่จำเป็นต้องสุด) แต่ถ้าเราบิดไว้น้อยเกิน เราเร่งเสียงจาก Mix ไปจนสุดแล้ว แต่ Power ยังไม่คลิป
นั่นแสดงว่า เราหมุน "วอลลุ่ม" ไว้น้อยเกิน  อันนี้ Power จะทำงานไม่เต็มกำลัง "จริง" เพราะเราไม่สามารถเร่งจนมันคลิปได้ แสดงว่ายังมี "กำลังเหลืออยู่"

แล้วตำแหน่งใดเหมาะสมกับระบบเรา ที่เราควรหมุน "วอลลุ่ม" ไว้หล่ะ
คำตอบ คือ ให้กลับไปอ่านหน้าที่ 3 ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับเรื่อง "การบาลานซ์ Gain ของแต่ละอุปกรณ์"

แต่ถ้าขี้เกียจอ่าน หลักการง่ายๆ คือ ถ้าเราเร่ง "Mix" ของเราไปจนเกือบคลิปแล้ว อุปกรณ์ทุกอย่างรวมทั้งแอมป์ด้วย ต้องเริ่มคลิปแล้ว  นั่นแปลว่า สัญญาณเรา บาลานซ์ "Gain" ได้แล้ว และ Power Amp เราทำงาน "เต็มกำลัง" แน่นอน เพราะว่าเราสามารถเร่งมันให้คลิปได้!


ไม่ได้เกี่ยวเรื่อง กลอง สแนร์ เรื่อง EQ เลยครับ ควรแยกประเด็นให้ออก

ไม่งั้น "ไปไหนมา สามวาสองศอก"  ครับ!



และหมอยังได้มาต่อยอด  หลักการบาลานซ์ "Gain" ของแต่ละ CH ของ Mix ด้วยครับ
อันนี้ก็สุดยอดเหมือนกัน

ส่วนเทคนิคการบาลานซ์ Gain Input ของแต่ละ CH ผมจะใช้การ balance ทุก CH ไว้แถวๆ 0db ครับ รวมถึงไมค์ร้องด้วย
เพราะมันง่ายในการทำงาน
อ้าว แล้วแบบนี้ เสียง kick / snare ... มันก็เท่ากันหมดหน่ะซิ
ปล่าวครับ ผมใช้ เทคนิคการเลื่อน fader ไม่เท่ากันครับ
fader kick ผมจะอยู่แถว 0db หรือขึ้นไป +3db
fader snare และอื่นๆ ผมจะตั้งไว้แถวๆ -3db ถึง - 5db แล้วแต่ความชอบหรือไม่ชอบ
จากนั้นเวลาลองเสียงหรือเล่นเพลงจริง ก็ค่อยเลื่อนขึ้นลง ตามใจชอบครับ (ขึ้นลงนิดหน่อย)

อ้าว แบบนี้เสียงร้องก็จม เหมือนที่หมอพูดไว้หน่ะซิ ต้องซื้อมิ๊กอีกตัวเหรอ
ปล่าวครับ ผมใช้วิธีจัดกรุ๊ปเอาครับ
- เครื่องดนตรีทุกชนิด โยนเข้า กรุ๊ป 2
- ไมค์คร้องทุกตัวรวมทั้ง effect นอก โยนเข้า กรุ๊ป 1

แล้วค่อยเลื่อน สไลด์ของ Group 1/Group 2 ตามใจชอบ บางครั้งพี่ชายบอกดนตรีดังไป ก็ลด Group 2 ลง
บางครั้งบอกไมค์ร้องดังไป ก็ ลด Group 1 ลง

ส่วน Main Slide (Master) เลื่อนขึ้นลง ตามระดับความเมาครับ  brow


วินัย นาทาม
98/203 หมู่ 11 หมู่บ้านสินเพชร
ซ.ธนสิทธิ์ ต.บางปลา อ.บางพลี
จ.สมุทรปราการ 10540
Tel.081-668-3706
ธ.กสิกรไทย 860-2-21958-6
 ̴̡ı̴̡̡ ̡͌l̡ ̴̡ı̴̡ ̡̡͡|̲̲̲͡͡͡ ̲▫̲͡ ̲̲̲͡͡π̲̲͡͡ ̲̲͡▫̲̲͡͡ ̲|̡ ̴̡ı̴̡̡ ̡͌l̡ ̴̡ı̴̴̡ ıllıllı|̲̅̅●̲̅̅|̲̅=̲̅̅|̲̅̅●̲̅̅|ıllıllı


ออฟไลน์ nimit terbo

  • ฟังทุกเสียงที่ผ่านโสต
  • มือกลอง
  • *****
    • กระทู้: 913
ขอต่ออีกประเด็น

                 สัญญาณไฟหน้าเพาเวอร์แอมป์ ทั้งรุ่นเก่า รุ่นใหม่ ถ้ามันคลิปมันมาจากสัญญาณขาเข้า หรือขาออก 
นิมิตร เทียนพันธ์ 15/1 ม.5 ต.วังหิน อ.เมือง จ.ตาก รหัส 63000    089-8397876 081-6559716 ธ.กรุงไทย สาขาตาก ออมทรัพย์ 603-0-35624-0


ออฟไลน์ vnatham

  • Ƹ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒ[̲̅D̲̅][̲̅S̲̅][̲̅S̲̅]Ƹ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒ
  • นักร้อง
  • ******
    • กระทู้: 1963
  • ⒹigitalⓈoundⓈolution
    • เดอะซิตี้ออฟม๊อด
ขอต่ออีกประเด็น

                 สัญญาณไฟหน้าเพาเวอร์แอมป์ ทั้งรุ่นเก่า รุ่นใหม่ ถ้ามันคลิปมันมาจากสัญญาณขาเข้า หรือขาออก 

ผมเดาล้วนๆเลยน๊ะครับพี่นิมิตร เดาว่าเป็น ขาเข้าครับ
เพราะสายสัญญาณต่างๆ ส่วนมากมันต่อตรงสาย Input Signal
และการออกแบบอุปกรณ์ต่างๆให้ทำงาน กับ low voltage (input) มันง่ายกว่า high voltage (output)

ผมไม่เคยประกอบแอมป์เอง แต่ส่วนมากผมไล่วงจรดูมันประมาณนี้

Input Signal --> เข้าวงจร Balance Input/วงจร Bridge --> เข้าวงจร Volumeและพวก VU Meter
--> เข้าวงจรภาค Drive --> เข้าวงจรภาคขาย --> เข้าวงจร Protect --> เข้าพวก Connector ของสายลำโพง

ดังนั้นถ้ามันคลิป น่าจะคลิปที่ภาค Input ครับ.

ปล.แต่เวลาเขาประกอบแอมป์โชว์กัน ช่างทำแอมป์ เหมือนจะวัดสัญญาณคลิปที่ output เลย
อันนี้ถ้าเป็นช่างประกอบแอมป์ น่าจะตอบได้ครับ ว่ามันคลิปที่ไหน !.
วินัย นาทาม
98/203 หมู่ 11 หมู่บ้านสินเพชร
ซ.ธนสิทธิ์ ต.บางปลา อ.บางพลี
จ.สมุทรปราการ 10540
Tel.081-668-3706
ธ.กสิกรไทย 860-2-21958-6
 ̴̡ı̴̡̡ ̡͌l̡ ̴̡ı̴̡ ̡̡͡|̲̲̲͡͡͡ ̲▫̲͡ ̲̲̲͡͡π̲̲͡͡ ̲̲͡▫̲̲͡͡ ̲|̡ ̴̡ı̴̡̡ ̡͌l̡ ̴̡ı̴̴̡ ıllıllı|̲̅̅●̲̅̅|̲̅=̲̅̅|̲̅̅●̲̅̅|ıllıllı